สุดอะเมซิ่ง 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเอเชีย เราจะพาคุณไปยังสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมในเอเชีย สวยงามตระการตา นอกจากนี้ยังมีสถานที่ต่างๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เช่น ทะเล ภูเขา และถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เอเชียเป็นทวีปที่มีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่หลากหลาย จึงมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมายในทวีปนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่เราสามารถสำรวจได้ และวันนี้เราอยากจะพาคุณไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในเอเชีย พวกเขาอยู่ที่ไหน? ไปดูพวกเขากันดีกว่า
1. หุบเขาช็อกโกแลต เกาะโบโฮล ประเทศฟิลิปปินส์
หุบเขาช็อกโกแลต เป็นกลุ่มของภูเขารูปร่างแปลกประหลาดคล้ายกรวยคว่ำ ที่เกิดขึ้นอยู่ในบริเวณเดียวกันไม่น้อยกว่า 1,200 ลูก แต่ละลูกก็มีความสูงใกล้เคียงกัน โดยเฉลี่ยประมาณ 30-50 เมตร และมีลูกที่สูงที่สุดประมาณ 120 เมตร ในช่วงหน้าฝนหุบเขาทั้งหมดจะมีสีเขียวสดใส แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาวจะเป็นสีน้ำตาล จึงเป็นที่มาของคำว่า “หุบเขาช็อกโกแลต”
2. เกาะหัวใจมรกต ประเทศเมียนมา
เกาะหัวใจมรกต เมียนมาเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะท้องทะเลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปยลโฉมไม่นานมานี้ และนั่นก็ทำให้เราพบกับความมหัศจรรย์ของทะเลพม่า เป็นเกาะที่มีปล่องอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับรูปหัวใจ เรียกว่า เกาะค็อกคอม (Cocks Comb Island) หากได้มองเกาะนี้จากทางอากาศจะเห็นว่าปล่องตรงกลางเกาะมีรูปร่างเหมือนหัวใจ เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกับคริสตัล บริเวณรอบ ๆ ปากปล่องจะมีต้นไม้สีเขียวขจีขึ้นอยู่รายล้อม ที่สำคัญเกาะแห่งนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้จากทางจังหวัดระนอง
3. หุบเขาหัวซาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
หุบเขาหัวซาน ตั้งอยู่ห่างจากเมืองซีอานประมาณ 120 กิโลเมตร เป็นเทือกเขาสูงชันที่มีชื่อเสียงในเรื่องของทางเดินขึ้นเขาที่แคบ สูง และหวาดเสียวที่สุด นักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยนิยมที่จะมาปีนป่ายวัดใจกันที่ยอดเขาแห่งนี้ หุบเขาหัวซาน (Huashan Mountain) มีทั้งหมด 5 ยอดด้วยกัน ยอดที่สูงที่สุดสูงถึง 2,160 เมตร ซึ่งเส้นทางที่จะผ่านขึ้นไปถึงแต่ละยอดเขานั้น ก็มีทั้งทางเดินปูนและทางเดินไม้ บางช่วงมีความชันเกือบ 90 องศา บางช่วงเป็นทางเดินเรียบแต่อยู่บนยอดเขา ราวกับเดินบนเมฆ บางช่วงเป็นทางเดินไม้ที่เล็กแคบเพียงแค่ประมาณ 50 เซนติเมตรเท่านั้น แต่รับรองได้เลยว่าตลอดเส้นทางจะสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวได้แบบไม่ต้องหายใจกันเลยทีเดียว แต่ถ้าหากคิดว่าใจไม่กล้าพอก็สามารถนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นมาเที่ยวชมด้านบนได้เช่นกัน
4. ถ้ำซันดอง ประเทศเวียดนาม
ถ้ำซันดอง (Son Doong Cave) เป็นถ้ำที่ใหญ่สุดในโลก ตั้งอยู่ในจังหวัด Quang Binh ถูกค้นพบในปี 1991 โดย Ho Khanh และได้ถูกทำการสำรวจอีกครั้งโดย Howard Limbert นักผจญภัยถ้ำชาวอังกฤษ เป็นถ้ำหินโบราณ ก่อตัวมามากกว่า 2-5 ล้านปี โดยแม่น้ำที่ไหลผ่านถ้ำมายาวนาน มีความกว้างมากกว่า 200 เมตร สูงกว่า 150 เมตร และยาวประมาณ 9 กิโลเมตร ภายในถ้ำได้ซ่อนความงดงามไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวถ้ำที่สวยงาม หินงอก หินย้อย เสาหินปูนขนาดใหญ่ แม่น้ำเย็นฉ่ำ และพื้นหินที่เป็นชั้นลดหลั่น ฯลฯ ขอบอกเลยว่าแค่วันเดียวก็คงเที่ยวถ้ำแห่งนี้ได้ไม่ทั่ว
5. เขาสิคิริยา ประเทศศรีลังกา
เขาสิคิริยา หรือสิคิริยะ (Sigiriya) อยู่ระหว่างเมือง Dambulla และเมือง Habarana เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางป่าอันเขียวขจีโดยรอบ เกิดจากการก่อตัวของลาวาจากภูเขาไฟ มีความสูงประมาณ 200 เมตร มีลักษณะคล้ายกับสี่เหลี่ยมผืนผ้า บริเวณด้านบนจึงกลายเป็นที่ตั้งของอาณาจักรในกษัตริย์ Kasyapa บริเวณทางขึ้นด้านล่างมีเท้าของสิงโตที่ทำจากหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งสองด้าน ส่วนทางเดินนั้นเป็นทางเดินเล็ก ๆ ไต่ขึ้นไปยังด้านบน โดยบางช่วงจะมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามปรากฏอยู่ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็จะพบกับรอยเดิมของการตั้งเมือง พื้นที่กว้างใหญ่ สามารถชมวิวรอบด้านได้อย่างสวยงาม
6. ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวดันหวง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวดันหว ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองดันหวง มณฑลกานซู ประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งในทะเลทรายโกบี บริเวณโดยรอบเป็นเนินทรายสูงใหญ่ แต่กลับมีทะเลสาบคล้ายกับรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเกิดขึ้นบริเวณนี้ ซึ่งน้ำในทะเลสาบไหลมาจากแหล่งน้ำอื่น ๆ ผ่านตามรอยแยกใต้ทะเลทราย และเพราะกระแสลมที่พัดพาเม็ดทรายให้สูงขึ้นไปทับถมในบริเวณข้างเคียง จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ไม่ถูกทรายทับถมไป และปรากฏให้เราเห็นมาจนถึงปัจจุบัน บริเวณด้านข้างของทะเลสาบ Dunhuang Crescent Lake มีการสร้างสถาปัตยกรรมจีนไว้เพื่อเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวด้วย
หมู่บ้าน Nongsohphan หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านที่เปียกที่สุดในโลก ด้วยสภาพภูมิประเทศของหมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีอากาศเย็น มีไอหมอกตลอดทั้งปี ในช่วงหน้าฝนก็จะมีปริมาณฝนที่มากกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของโลก ชาวบ้านใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน แม้แต่สะพานข้ามลำธารในหมู่บ้านยังสร้างขึ้นจากรากของต้นยางหลาย ๆ ต้น ที่นำมาสอดประสานถักทอกันจนเป็นสะพานเล็ก ๆ ข้ามลำธารเพื่อการสัญจรภายในหมู่บ้าน
8. เกาะ Aogashima ประเทศญี่ปุ่น
เกาะ Aogashima เกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 358 กิโลเมตร เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในทะเล ตัวเกาะยาว 3.5 กิโลเมตร และกว้าง 2.5 กิโลเมตร สิ่งมหัศจรรย์ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นภูเขาไฟสองลูกซ้อนกันอีกด้วย โดยลูกเล็กเกิดขึ้นอยู่ภายในปล่องของลูกใหญ่อีกทีหนึ่ง สภาพภูมิประเทศของเกาะแห่งนี้มีต้นไม้ปกคลุมอยู่มากมาย หากมองจากมุมสูงจะเห็นว่าทั้งเกาะนั้นเขียวขจี สดชื่น ในด้านหนึ่งของเกาะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่มากนัก และมีโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปได้ทั้งเรือเฟอร์รี่และเฮลิคอปเตอร์
9. น้ำตก Ban Gioc ประเทศเวียดนาม
น้ำตก Ban Gioc น้ำตกที่สวยงามมากที่สุดในประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในจังหวัด Cao Bang แต่อันที่จริงแล้วน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างกลางเขตแดนระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นน้ำตกที่อยู่ระหว่างเขตแดนที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก มีความสูงถึง 30 เมตร และกว้างกว่า 300 เมตร มีแอ่งขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง ซึ่งสามารถล่องเรือแบบพื้นบ้านเข้าไปชมตัวน้ำตกได้ บริเวณรอบ ๆ น้ำตกเป็นภูเขาหินปูนสูงใหญ่ มีต้นไม้และดอกไม้ขึ้นล้อมรอบอย่างงดงาม
10. อุทยานแห่งชาติ Gunnung Mulu ประเทศมาเลเซีย
อุทยานแห่งชาติ Gunnung Mulu อุทยานที่ตั้งอยู่บนเกาะ Borneo รัฐซาราวัก เป็นอุทยานที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประกอบไปด้วยป่าเขาเขตร้อน สัตว์ป่ามากกว่า 3,000 ชนิด ต้นไม้นานาพรรณ ถ้ำขนาดใหญ่ แม่น้ำลำธาร แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือพื้นที่ของเสาหินปูนที่ถูกกัดกร่อนโดยลม น้ำ และแสงแดดมายาวนาน จนทำให้มีลักษณะเป็นเสาหินปูนสูงและแหลม มีต้นไม้สีเขียวขึ้นแซมเป็นหย่อม ๆ จึงทำให้ดูสดชื่น อุทยานแห่งนี้ก็ได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2000