1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินหรือรู้จักชื่อของเขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของบ้านเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศอาเซียน เป็นบ้านของสัตว์ใหญ่ทั้งหลาย และเป็นพื้นที่มอบอากาศบริสุทธิ์ให้เราได้สัมผัส ที่นี่ห่างไกลจากตัวเมืองไม่มาก จึงมีนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสธรรมชาติหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย กิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือส่องสัตว์ยามค่ำคืนหรือเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ แล้วพักค้างคืนในป่าใหญ่ แน่นอนว่าจะได้รับทั้งประสบการณ์ดีๆ ที่น่าประทับใจ รวมไปถึงรูปสวยๆ ที่อัดแน่นเต็มเครื่อง
การเดินทางมาอุทยานเขาใหญ่สามารถมาได้ทั้งรถส่วนตัว โดยใช้เส้นทางผ่านรังสิตและจังหวัดสระบุรี เลี้ยวขวาวิ่งเส้นมิตรภาพก่อนถึงอำเภอปากช่อง กิโลเมตรที่ 23 จะพบศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศาลเจ้าพ่อ ไปต่ออีก 15 กิโลเมตรก็จะเจออุทยานเขาใหญ่ หากไม่มีรถส่วนตัวจะนั่งรถประจำทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา แล้วต่อรถโดยสารในพื้นที่ไปก็ได้ และยังสามารถนั่งรถไฟชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางได้ด้วย
หากยังไม่มีที่พักในใจ ให้ Rancho Charnwee Resort @ Country Club เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ ด้วยห้องพักที่สวยงาม หรูหรา เดินทางไปอุทยานเขาใหญ่ได้ง่าย ก็ยังมีบริการอื่นๆ ให้ได้ทำอย่างตีกอล์ฟ ขี่ม้า เช่าจักรยานปั่นเพื่อชมวิว หรือขับรถ ATV ก็มีเช่นกัน และยังพร้อมไปด้วยร้านอาหารหรูทั้งไทย อิตาเลี่ยน และสไตล์คันทรีให้ได้เลือกสรร เรียกได้ว่านอกจากจะได้ชมธรรมชาติสวยงามแล้วยังได้พักผ่อน รวมไปถึงยังมีโอกาสได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายอีกด้วย
- ที่อยู่: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตู้ปณ. 9 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
- พิกัด: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 06:00 – 18:00 น.
2. ตึกแฝดเปโตรนาส – มาเลเซีย
ตึกแฝดเปโตรนาส ใครที่ไปมาเลเซียคงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับตึกแฝดเปโตรนาส เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ในอาเซียนที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ด้วยการก่อสร้างที่สวยงาม แปลกตา และยังเป็นตึกแฝดที่สูงถึง 451.9 เมตร มีความสูงมากที่สุดในโลก ภายในตึกมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย โรงภาพยนตร์ อาร์ตแกลลอรี ศูนย์ประชุมแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และบางครั้งอาจโชคดีได้ชมการตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลท้องถิ่นขณะนั้น อย่าง songket ซึ่งก็คือการทอผ้าพื้นเมืองด้วย
หากมาถึงแล้วต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไปสะพานลอยฟ้า (Skybridge) ซึ่งเชื่อมตึกแฝดทั้ง 2 อาคารเอาไว้ด้วยกัน เพื่อจะได้ชมวิวของเมืองกัวลาลัมเปอร์ให้ทั่ว สามารถเดินทางมาได้ด้วยรถไฟฟ้า LRT จากสถานี KL Sentral ลงที่สถานที่ KLCC หรือโดยสารรถประจำทางสาย B103 ลงสถานีรถไฟฟ้า LRT KLCC และสาย B114 ลงหน้าห้าง Suria KLCC ก็ได้เช่นกัน
- ที่อยู่: ระหว่างถนนจาลันอัมปังและถนนจาลันราจาชูลัน เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
- พิกัด: ตึกแฝดเปโตรนาส
- เวลาเปิดให้เข้าชม: วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10:00 – 18:00 น.
3. น้ำตกยักษ์ – สิงคโปร์
น้ำตกยักษ์ ใช่ว่ามีแค่สิงโตพ่นน้ำเท่านั้นที่โด่งดัง ยังมีน้ำตกยักษ์หรือ Jewel Changi Airport ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียนของประเทศสิงคโปร์ที่โด่งดังไม่แพ้กัน เพราะเป็นน้ำตกในสวนที่สร้างขึ้นมาโดยมีความสูงกว่า 130 ฟุต อยู่ในอาคารเทอร์มินอลของท่าอาศยานชางงี เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางการบินที่มีทั้งศูนย์การค้าและสถานที่สำหรับพักผ่อน ไว้ชมความสวยงามที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ในตอนกลางคืนจะมีการยิงเลเซอร์บนม่านน้ำ อลังการเหมาะแก่การบันทึกภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำ และยังมีสวนยักษ์ที่ตกแต่งด้วยต้นไม้สไตล์ทรอปิคอลล้อมรอบ
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเดินเที่ยวชมจนเลยเวลาเช็กอินแต่อย่างใด เพราะมีจุดให้นักท่องเที่ยวได้ Early Check-In คอยให้บริการด้วย โดยสามารถใช้สะพานทางเชื่อมจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า Terminal 1 สู่ด้านทิศเหนือของศูนย์การค้า Jewel Changi Airport หรือจะนั่งชัตเทิลบัสฟรีแล้วขึ้นชั้น 2 เพื่อใช้สะพานเชื่อมต่อไปก็ได้เช่นกัน
- ที่อยู่: ใจกลางท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์
- พิกัด:น้ำตกยักษ์ (Jewel Changi Airport)
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 24 ชั่วโมง
4. บาหลี – อินโดนีเซีย
บาหลี อีกสถานที่ท่องเที่ยวของอาเซียนที่คุ้นหูกันดีคงไม่พ้นบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพราะเป็นเหมือนสวรรค์ของนักเดินทางที่นอกจากจะมีทะเลสวยๆ แล้ว ยังมีวัฒนธรรม ศิลปะ การใช้ชีวิตจากคนพื้นเมืองให้ได้สัมผัส ต้องไม่พลาดที่จะไปวัดอูรูวาตู ที่ตั้งอยู่ริมผามหาสมุทรอินเดียซึ่งมีน้ำทะเลสีครามให้ได้เห็นด้วยตาตัวเองหรือแวะเที่ยวนาขั้นบันได Jatiluwih Rice Terrace ที่จะได้เห็นหมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขา เรียงรายด้วยนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา
ปิดท้ายทริปที่บาหลีด้วยตลาด Ubud Art Market ที่มีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ สำหรับใช้เป็นของฝากกลับไทยติดมือกันไปด้วย สำหรับการเดินทางไปเที่ยวที่บาหลี
แนะนำให้ไปช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมเพราะอากาศจะดีมาก สามารถนั่งเครื่องบินลงท่าอากาศยานนานาชาติเด็นปาซาร์ ใครที่กังวลในเรื่องของการสื่อสาร ไม่ต้องกังวลไป สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลย เพราะคนบาหลีส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก สมกับที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับในอาเซียน
- ที่อยู่: เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
- พิกัด: บาหลี
- เวลาเปิดให้เข้าชม: ทุกวัน 24 ชั่วโมง
5. มัสยิดทองคำ – บรูไน
มัสยิดทองคำ หากมาบรูไน ต้องไม่พลาดที่จะมาเที่ยวมัสยิดทองคำหรือที่คนมักจะเรียกกันว่า มัสยิดเกียรง (Kiarong mosque) สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในแถบอาเซียนที่สวยงามและอลังการเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยโดมสีทองและหลังคาสีฟ้าน้ำทะเล รวมกับการตกแต่งที่วิจิตรตระการตา ทำให้มีคนสนใจอย่างมากที่จะเข้าชม และยังรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 5,000 คน
เปิดโอกาสให้ได้เข้าชมและประกอบพิธีทางศาสนา อาจจะต้องบันทึกความประทับใจไว้ได้แค่ในความทรงจำเพราะด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่เชื่อว่าใครที่ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลกของอาเซียนอย่างที่มัสยิดทองคำจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน
- ที่อยู่: เมืองบันดาร์ เสรี เบกาวัน ประเทศบรูไน
- พิกัด: มัสยิดทองคำ
- เวลาเปิดให้เข้าชม: วันพุธ – วันเสาร์ 3 ช่วงเวลา คือ 08:00 – 12:00 น. และ 14:00 – 15:00 น. และ 17:00 – 18:00 น. วันอาทิตย์ 2 ช่วงเวลา คือ 10:30-12:00 น. และ 14:00 – 15:00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์
หากใครที่ตั้งใจจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 5 ประเทศ ก็ต้องเตรียมพร้อมทั้งร่างกาย ดูวันเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวในแถบนั้น จะได้หาที่พักล่วงหน้าและจองเครื่องบินหรือเส้นการเดินทางที่เหมาะสม อย่าลืมเอกสารสำคัญอย่างพาสปอร์ต หรือใบฉีดวัคซีนที่ควรมีติดเอาไว้ และเตรียมเงินให้พร้อม
นอกจากนี้ ควรศึกษาหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียนนั้นเอาไว้ ทั้งวัฒนธรรม ชีวิตการเป็นอยู่ เพื่อป้องกันการทำผิดประเพณีหรือกฎหมายท้องถิ่นที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต ถ้าหากเตรียมพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว ก็ขอให้สนุกกับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วอาเซียน