10 ประเทศในยุโรป ไปเที่ยวกันได้แล้วตอนนี้

10 ประเทศในยุโรป ไปเที่ยวกันได้แล้วตอนนี้  ควรจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวยุโรปจะดีกว่า เนื่องจากบางเมืองเริ่มรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว นอกจากนี้ควรเดินทางพร้อมฉีดวัคซีนครบแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องกักกัน ยุโรป (ยุโรป) เองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวชาวไทยปรารถนาเพราะสามารถเดินทางไปที่นั่นได้ง่าย ยิ่งตอนนี้มีดีลดีๆ เกิดขึ้น ดังนั้นการจัดกระเป๋าไปเที่ยวจึงไม่ใช่เรื่องยาก แล้วทำไมคุณถึงช้า? จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka และติดตามรายชื่อ 10 ประเทศในยุโรปของเรา ไปเล่นกันเถอะ –

 

1. อังกฤษ (England)

อังกฤษ เมืองลอนดอน (London) เป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆ ในแถบยุโรป ที่จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกันได้แล้วเวลานี้ เมืองที่มีทุกอย่างครบครัน ทั้งกิน ช้อป เที่ยว สถาปัตยกรรมสุดเก่าแก่ สนามฟุตบอล และแลนด์มาร์กเด่นๆ อย่างเช่น “หอคอยแห่งลอนดอน” (Tower of London) ต้นตำรับแห่งความหลอน “หอนาฬิกาบิกเบน” (Big Ben) นาฬิกาบอกเวลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก “สโตนเฮนจ์” (Stonehenge) 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ยุคกลางของโลก และ “คอทส์โวลส์” เมืองมรดกโลกที่สวยงามราวหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย

2. อิตาลี (Italy)

อิตาลี ศูนย์กลางแห่งศิลปะวัฒนธรรม จิตรกรรม และแฟชั่นชั้นนำของยุโรป มีเมืองท่องเที่ยวชื่อดังทั้ง เวนิส (Venice) มิลาน (Milan) ฟลอเรนซ์ (Florence) และ โรม (Rome) เมืองที่เป็นที่ตั้ง “โคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันยิ่งใหญ่ สายถ่ายรูปต้องไปที่ “บันไดสเปน” (Spanish Steps) ส่วน “นครวาติกัน (Vatican) รัฐที่เล็กที่สุดในโลก เป็นที่ตั้งของ “มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์” (St. Peter’s Basilica) มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อิตาลีจึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมไป

3. ฝรั่งเศส (France)

ฝรั่งเศส” ประเทศที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกสุดๆ แถมยังเป็นสุดยอดผู้นำแห่งแฟชั่น แหล่งช้อปปิ้งสุดหรู มีที่เที่ยวหลากสไตล์ให้ไปจองตั๋วเครื่องบินไปเช็คอิน ทั้งในเมืองใหญ่อย่างปารีส (Paris) ที่มีหอไอเฟล (Eiffel Tower) เป็นแลนด์มาร์ก หรือบนยอดเขามงบลอง (Mont Blanc) ที่สูงที่สุดในยุโรป ส่วนเมืองกราสส์ (Grasse) เป็นต้นตำรับการผลิตน้ำหอม ที่เมืองแวร์ซายส์ (Versailles) มีพระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace) สุดหรูหราให้เยี่ยมชม อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสุดโรแมนติกอีกด้วย

4. สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

พูดถึงประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ดินแดนที่มีธรรมชาติที่สวยงามโดดเด่นมากที่สุดในยุโรป เมืองปักหมุดอันดับ 1 คือ “อินเทอร์ลาเกน” (Interlaken) เมืองแห่งขุนเขาและทะเลสาบ บรรยากาศสุดโรแมนติก อีกหนึ่งเมืองในอ้อมกอดขุนเขา “ลูเซิร์น” (Lucerne) ที่มี “สะพานไม้ชาเปล” (Chapel Bridge) สะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นแลนด์มาร์ก จุดหมายปลายทางของนักเล่นสกีก็ต้องที่ “ยอดเขาจุงเฟรา” (Jungfrau) หนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์

5. เยอรมนี (Germany)

เยอรมนี อีกหนึ่งประเทศยุโรปทื่เที่ยวได้แล้วในเวลานี้ ที่นี่เป็นศูนย์รวมปราสาทมากกว่า 2 หมื่นแห่งเลยทีเดียว โดดเด่นที่สุดคือ “ปราสาทนอยชวานชไตน์” (Neuschwanstein Castle) ต้นแบบปราสาทเทพนิยายของวอลท์ดิสนีย์ เมืองน่าเที่ยวก็มีอย่างเช่น “ไลพ์ซิก” (Leipzig) เมืองดนตรีและเสียงเพลง หรือว่าจะไปเที่ยว “โคโลญ” (Cologne) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากสถานบันเทิงยามค่ำคืน ส่วน “เดรสเดน” (Dresden) ป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเยอรมนี

6. รัสเซีย (Russia)

รัสเซีย เมืองสถาปัตยกรรมสวยแห่งยุโรป มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่อลังการมากมาย แลนด์มาร์กคือ “จัตุรัสแดง” (Red Square) ที่รายล้อมด้วยที่เที่ยวสำคัญๆ อย่าง “มหาวิหารเซนต์เบซิล” (St. Basil’s Cathedral) วิหารหลังคาสีสันสะดุดตา ใครอยากชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนต้องไปที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St.Petersburg​) ที่มีพระราชวังแคทเธอรีน (Catherine Palace) ให้เยี่ยมชม คนรักธรรมชาติต้องไม่พลาด “ทะเลสาบไบคาล” (Lake Baikal) ทะเลสาบน้ำจืดที่เก่าแก่ กว้างใหญ่ และลึกที่สุดในโลก

7. เนเธอร์แลนด์ (Netherland)

เนเธอร์แลนด์ อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมในยุโรป ดินแดนแห่งทิวลิปและกังหันลม แสนสงบและเรียบง่าย มีสวนทิวลิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก “เคอเคนฮอฟ” (Keukenhof) เป็นไฮไลท์สำคัญ ขณะที่หมู่บ้านกีธูร์น (Giethoorn) ที่ได้รับฉายาว่าเป็นเวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์ก็โด่งดังไม่แพ้กัน ที่หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse Schans) มีพิพิธภัณฑ์กังหันลม และร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อของฝาก ใครชอบวิถีชีวิตสุดชิลต้องแวะไปที่จัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) แลนด์มาร์กสำคัญของอัมสเตอร์ดัม

8. ไอซ์แลนด์ (Iceland)

ไอซ์แลนด์ อีกหนึ่งประเทศในยุโรปที่เที่ยวได้ จุดเด่นคือมีธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้งวิวทะเล น้ำตก ธารน้ำแข็ง ทุ่งหญ้า ถ้ำน้ำแข็ง น้ำพุร้อน และยังมีแสงเหนือให้ไปตามล่ากันด้วย จุดปักหมุดที่น่าสนใจ อย่างเช่น “ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล” (Crystal Ice Cave) “ทะเลสาบสีฟ้า” (Blue lagoon Springs) บ่อน้ำพุร้อนวิวอลังการมากๆ และ “น้ำตกกุลล์ฟอสส์” (Gullfoss Waterfall) หนึ่งในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติระดับโลกที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง

9. เดนมาร์ก (Denmark)

เดนมาร์ก ประเทศที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลก ดินแดนแห่งปราสาทและพระราชวังอันสวยงามอย่างพระราชวังโรเซนเบิร์ก (Rosenborg Palace) พระราชวังฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกน “พระราชวังอมาเลียนบอร์ก” (Amalienborg Palace) ที่ตั้งของพระบรมรูปทรงม้าที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยังมี “น้ำตกมูลาฟอสเซอร์” (Mulafossur Waterfall) ที่ถือว่าเป็นจุดอันซีนของเดนมาร์ก ส่วนนักช้อปต้องไม่ลืมแวะ “ถนนสตรอยก์” (Stroget Street) ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรป

10. ไอร์แลนด์ (Ireland)

ไอร์แลนด์ เสน่ห์ของไอร์แลนด์คือธรรมชาติอันบริสุทธิ์สวยงาม ทั้งภูเขา ป่าไม้ ทะเลสาบ และท้องทะเล มีกรุงดับลิน (Dublin) เป็นเมืองหลวง และยังมีที่เที่ยวสวยๆ อีกเช่น “ดาร์กเฮดจ์” (Dark Hedges) อุโมงค์ต้นบีชที่สวยงามราวภาพวาด “หมู่บ้านอะแดร์ (Adare Thatched Cottages) หมู่บ้านเล็กๆ น่ารักๆ ของเมืองลิเมอร์ลิค (Limerick) และ “หน้าผาโมเฮอร์” (Cliff of Moher) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่ใครไม่ได้ไปเยือนถือว่ามาไม่ถึง