เช็คอิน 10 เมืองน่าเที่ยว ยุโรปตะวันออก บอกเลยว่าต้องไป

เช็คอิน 10 เมืองน่าเที่ยว ยุโรปตะวันออก บอกเลยว่าต้องไป สัมผัสมุมมองใหม่ๆ ขยายขอบเขตของคุณด้วยทัวร์ยุโรปตะวันออก หลายๆ คนคุ้นเคยกับประเทศในยุโรปตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งสองแห่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก แต่ยุโรปสวยกว่าที่คุณคิด ยุโรปตะวันออกทั้งหมดเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชวนฝัน สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ รวมไปถึงอาหารที่สมควรยกนิ้วให้ ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด 4 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี และสโลวาเกีย เรียงตามความนิยมด้านการท่องเที่ยว แม่บ้านจาก Mushroom Travel ต้องการเป็นอาสาสมัคร มันเป็นคำแนะนำ สำรวจ 10 เมืองใหญ่ที่น่าไปเยือนในสี่ประเทศนี้ เมื่อคุณพร้อมก็ลุยเลย

เช็คอิน 10 เมืองน่าเที่ยว ยุโรปตะวันออก บอกเลยว่าต้องไป

1. เวียนนา (Vienna– ออสเตรีย

เริ่มต้นการเดินทางด้วยการไปเยือนเมืองหลวงของประเทศออสเตรียกับ เวียนนา เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม เศรษฐกิจ การศึกษา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของออสเตรียได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามาถึงที่นี่ทั้งทีต้องไปชมร่องรอยความงดงามทางประวัติศาสตร์กันที่ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) ต่อด้วย มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen’s Cathedral) แล้วแวะไปช้อปปิ้งต่อที่ คาร์ทเนอร์สตรีท (Kartner Street) รับประกันได้ถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ ของสถาปัตยกรรม จนต้องยกมือถือหรือกล้องขึ้นมาเก็บภาพรัวๆ

2. ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) – ออสเตรีย

ยุโรปตะวันออก

พาออกนอกเมืองไปยัง ฮัลล์สตัทท์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก โอบล้อมด้วยขุนเขา ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย มีผืนน้ำทะเลสาบเงียบสงบ บอกเลยว่าวิวสวยสุดๆ จุดท่องเที่ยวน่าสนใจก็คือ โบสถ์ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt Lutheran Church) โบสถ์หลังคาปลายแหลม ซึ่งตั้งเด่นอยู่ริมทะเลสาบที่ไหลแยกออกมาจากแม่น้ำเทราน์ กับอีกจุดก็คือ World Heritage Skywalk จุดถ่ายรูปลอยฟ้าที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองอย่างเต็มตาในมุมสูง ซึ่งนี่แหละเป็นส่วนหนึ่งของความงดงามของ ยุโรปตะวันออก ที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยเห็น

3. ซาลซ์บูร์ก (Salzburg) – ออสเตรีย

ซาลซ์บูร์ก ถ้าได้มา ทัวร์ยุโรปตะวันออก ต้องไม่พลาดไปเยี่ยมชมบ้านเกิดของนักดนตรีชื่อดังอย่าง โมสาร์ท (Mozart) กันที่ ซาลซ์บูร์ก เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของออสเตรีย ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเวียนนาและอินส์บูร์ก โอบล้อมด้วยภูเขา บรรยากาศในเมืองโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบบารอกที่ยังคงความสวยงามจากอดีต จุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดก็คือ สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนสาธารณะที่สวยที่สุดในเมือง และเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังมิราเบล อิ่มเอมกับพันธุ์ไม้ที่บานสะพรั่งอวดสีสันสดใส อบอุ่นหัวใจไปกับภาพจำของภาพยนตร์ในตำนานอย่าง The Sound of Music (1965) ช่วยให้การมาเดินสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความโรแมนติก

4. อินส์บรุค (Innsbruck) – ออสเตรีย

ยังคงอยู่กันที่ออสเตรีย ไปชมความน่ารักของบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายในเมือง อินส์บรุค เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านสีลูกกวาดพาสเทล โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง เสน่ห์ของเมืองนี้อยู่ตรงที่อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีแลนด์มาร์คสำคัญคือ พระราชวังฮอฟบวร์ค (Hofburg Innsbruck) พระราชวังเก่าแก่อายุราว 600 ปี ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับความงดงาม นอกจากนี้ยังมี ปราสาทอัมบราส (Schloss Ambras) แหล่งหลอมรวมประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีอาคารที่เป็นเสมือนตัวแทนของยุคเรเนซองส์อันวิจิตรงดงาม ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะและหอแสดงอาวุธของเหล่าทหารในยุคกลาง ปิดท้ายด้วย อาคารหลังคาทองคำ (Golden Roof) ตึกเก่าอายุกว่า 500 ปีที่มีหลังคาสีทอง ตกแต่งสไตล์บาโรกผสมผสานกับสไตล์โกธิค ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนยุคกลับไปสมัยก่อน

5. ปราก (Prague)– สาธารณรัฐเช็ก

เช็คอินเมืองสวยแห่ง ยุโรปตะวันออก กันต่อที่สาธารณรัฐเช็ก สัมผัสดินแดนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาอย่างเมือง ปราก เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เต็มไปด้วยตำนานเล่าขานและสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันทรงคุณค่า จนถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1992 โดยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยมมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปราสาทกรุงปราก (Prague Castle) ปราสาทโบราณที่ได้รับการบันทึกว่าใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเนื้อที่ประมาณ 70,000 ตารางเมตร และสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สวยงาม จากนั้นไปชมวิวสวยๆ กันที่ สะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานหินเก่าแก่คู่เมือง ทอดยาวข้ามแม่น้ำวัลตาวา ตลอดแนวสะพานประดับด้วยรูปปั้นของนักบุญ มีเสน่ห์ทั้งกลางวันและกลางคืน อีกหนึ่งจุดหนึ่งก็คือ พาวเดอร์เกท (Powder Tower) ซุ้มประตูเมืองที่มีหอคอยสูง ตั้งอยู่กลางเมืองเก่า (Old Town) ออกแบบด้วยสไตล์โกธิค แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของปราก สามารถขึ้นไปชมวิวบนหอคอยได้ด้วย

6. เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) – สาธารณรัฐเช็ก

ยุโรปตะวันออก

ต่อกันที่เมืองมรดกโลกเล็กๆ กับบรรยากาศคลาสสิกกันที่ เชสกี้ ครุมลอฟ เจ้าของฉายา เมืองหยดน้ำ เพราะถูกห้อมล้อมด้วยแม่น้ำวัลตาวา (Valtava River) ที่ทอดยาวไปจนถึงกรุงปราก บวกกับมีรูปร่างคล้ายหยดน้ำนั่นเอง บรรยากาศภายในเมืองมีกลิ่นอายของความเก่าแก่ บ้านเรือนแบบโบราณ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุคกลาง หลังคาสีแดงอิฐคุมโทนราวกับหลุดมาจากนิทาน ได้รับการอนุรักษ์จนถูกขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก และด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ ทำให้สามารถเดินเที่ยวได้ง่าย ไปชมปราสาทอายุกว่า 700 ปี อย่าง ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov State Castel) จากนั้นขึ้นไปชมวิวเมืองจากมุมสูงที่ สะพาน Cloak Bridge ซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้แบบพาโนรามา 360 องศา เชื่อได้เลยว่าเพื่อนๆ จะตกหลุมรักเมืองนี้โดยไม่รู้ตัว

7. คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) – สาธารณรัฐเช็ก

ท่องเที่ยวแบบเฮลตี้ ต้องยกให้ที่นี่ คาร์โลวี วารี เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสปา นอกจากตัวอาคารบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยสีลูกกวาดพาสเทลดูสบายตาแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของเมืองนี้คือ เต็มไปด้วยน้ำพุร้อน และน้ำแร่มากมาย ภายในตัวเมืองจะมีน้ำแร่ให้ดื่มตามจุดต่างๆ ซึ่งแต่ละจุดก็มาจากแร่ธาตุที่ต่างกัน ทำให้น้ำมีรสชาติไม่เหมือนกัน จากนั้นไปเที่ยวกันที่ Market Colonnade ซึ่งภายในมี น้ำพุชาร์ลที่ 4 (Charles IV Spring) เป็นน้ำพุที่กษัตริย์ชาร์ลที่ 4 ใช้รักษาอาการป่วยที่ขาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และอีกสถานที่ที่พลาดไม่ได้ คือ Mill Colonnade แลนด์มาร์คสุดฮิต ชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่เต็มไปด้วยเสาสไตล์คอรินเธียน (Corinthian) ตั้งเรียงรายเป็นทางยาว มาแล้วต้องได้รูปสวยๆ กลับไปแน่นอน

8. บูดาเปสต์ (Budapest) – ฮังการี

ยุโรปตะวันออก

พาเที่ยว ยุโรปตะวันออก สัมผัสเมืองหลวงของประเทศฮังการีที่มีบรรยากาศสวยงามอย่าง บูดาเปสต์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ ด้วยลักษณะของเมืองที่มีแม่น้ำดานูบคั่นอยู่ตรงกลาง แบ่งเป็นสองฝั่ง โดยฝั่งตะวันตกเรียกว่า ฝั่งบูดา และฝั่งตะวันออกเรียกว่า ฝั่งเปสต์ ทำให้ภูมิทัศน์ของเมืองมีเสน่ห์ไม่เหมือนที่อื่น แน่นอนว่ามาที่นี่ต้องไปชม อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungarian Parliament) ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ต่อด้วยการไปรำลึกถึงเหล่าผู้กล้าที่ จัตุรัสวีรชน (Heroes’ Square) ส่วนใครอยากชมวิวเมืองบูดาเปสต์จากมุมสูง ต้องไปที่ ป้อมปราการชาวประมง (Fisherman’s Bastion) ป้อมปราการสีขาว ตั้งอยู่บนเนินด้านหลังโบสถ์แมทเทียส เป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองบูดาเปสต์ที่สวยงาม มองเห็นวิวได้แบบพาโนรามา บอกเลยว่า ไม่ว่าจะเที่ยวตรงจุดไหน ก็รู้เลยว่าเมืองนี้สวยสมคำร่ำลือจริงๆ

9. บราติสลาวา (Bratislava) – สโลวาเกีย

เขยิบไปเที่ยวกันที่เมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย นั่นคือ บราติสลาวา เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมยุคกลาง ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ได้รับอิทธิพลจากหลายเผ่าพันธุ์ ทำให้มีชุมชนพื้นเมืองจำนวนมาก ได้มาเยือนทั้งทีต้องไปสำรวจ ปราสาทบราติสลาวา (Bratislava Castle) ตัวอาคารสีขาวตัดกับหลังคาสีส้มแดง ให้ความรู้สึกสง่างามและโดดเด่น จากจุดนี้สามารถมองเห็นแม่น้ำดานูบกับตัวเมืองได้อย่างเต็มตา ต่อด้วยการไปเยี่ยมชม พระราชวังพริเมท (Primate’s Palace) แหล่งสะสมผ้าทออังกฤษจากศตวรรษที่ 17 และจบวันด้วยการไปเดินย่านเมืองเก่า พร้อมหาของกินอร่อยๆ

10โบจ์ไนซ์ (Bojnice) – สโลวาเกีย

ปิดท้ายพาเช็คอินเมืองสวยน่าเที่ยวแห่ง ยุโรปตะวันออก กันที่ โบจ์ไนซ์ เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของสโลวาเกีย ตามแนวแม่น้ำไนตรา (Nitra River) กับบรรยากาศเมืองเทพนิยายสุดโรแมนติก จุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองก็คือ ปราสาทโบจ์ไนซ์ (Bojnice Castle) ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-โกธิค ดูคล้ายกับปราสาทในภาพยนตร์แฟนตาซี ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ และอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของเมืองโบจ์ไนซ์ในฐานะเมืองสปาที่เก่าแก่ของสโลวาเกียก็คือ การแช่น้ำพุร้อน มาถึงที่แล้วจะพลาดไม่ได้เลย

เต็มอิ่มกับเมืองสวยน่าเที่ยวใน ยุโรปตะวันออก ที่พี่เห็ดคัดสรรมาให้ จากทั้ง 10 เมืองนี้อาจจะมีบางเมืองที่เพื่อนๆ ยังไม่รู้จักมาก่อน แต่บอกเลยว่า แต่ละเมืองล้วนมีเสน่ห์และมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ รอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตนเอง พี่เห็ดหวังว่า ทัวร์ยุโรปตะวันออก จะอยู่ในลิสต์แผนท่องเที่ยวต่อๆ ไปของเพื่อนๆ นะคะ พูดเลยว่าไปแล้วจะหลงรักแน่นอน