มาดูกันค่ะว่า เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง 10 ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป มีที่ไหนบ้าง? ทั้งนี้รายการด้านล่างนี้ไม่ได้เรียงตามลำดับใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ
1. สกอตแลนด์ (SCOTLAND)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ (UK Visa)
Summary: สกอตแลนด์ เป็นประเทศที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงามดังต้องมนตร์สะกด เต็มเปี่ยมด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนชื่อดังและวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงมากมาย อีกทั้งยังเพียบพร้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศสงบและร่มรื่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – กลางพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่เหมาะในการไปเที่ยวสกอตแลนด์มากที่สุด เพราะอากาศไม่หนาวมาก อีกช่วงที่น่าเที่ยวไม่แพ้กัน คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน – ต้นมกราคม เป็นช่วงที่สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตกแต่งในธีมคริสต์มาส ใครที่ชอบบรรยากาศของเทศกาลนี้ บอกเลยว่าต้องห้ามพลาด!
ไปแล้วต้องแวะ :
- ชอปปิงที่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow)
- สัมผัสบรรยากาศแห่งดินแดนเวทมนตร์ ณ ปราสาทเอดินเบอระ (Edinburgh Castle) ต้นแบบปราสาท Hogwarts ใน Harry Potter
- ซึมซับความโรแมนติกที่เกาะสกาย (Isle of Skye)
- ชมผลงานวรรณกรรมระดับโลก ณ อนุสาวรีย์สก็อต (Scott Monument)
- ตามรอยหนังดังอย่าง รหัสลับดาวินชี ผลงานการประพันธ์ของแดน บราวน์ ไปค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ณ โบสถ์รอสลิน (Rosslyn Chapel)
- ค้นหาสัตว์ประหลาดเนสซีที่ทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness)
- พร้อมชมทัศนียภาพที่สวยงามริมทะเลสาบและเสน่ห์ที่น่าสนใจของปราสาทเอิร์คเคิร์ท (Urquhart Castle) ที่หลงเหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง
- เดินเที่ยวชมตลาดคริสต์มาส เมืองเอดินเบอระ (Christmas Market) ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของสกอตแลนด์ บอกเลยว่าฟินสุดดด~
ไปแล้วต้องชิม :
- แฮกกิส (Haggis) อาหารประจำชาติสกอตแลนด์ ทำจากเครื่องในแกะบดพร้อมมันฝรั่ง ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ เกลือ และน้ำสต๊อก
- ข้าวโอ๊ตผัดกับหัวหอม (Skirlie)
- ซุปปลาแฮดด็อกรมควัน (Cullen skink)
- ไส้กรอกเลือด (Black Pudding)
- พายสก็อต (Scotch Pie)
- ขนมข้าวโอ๊ต (Cranachan)
- ขนมก้อนน้ำตาล (Tablet)
ใช้เวลาเดินทาง : 14 – 20 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสายการบินที่เลือก เนื่องจากยังไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทยไปท่าอากาศยานเอดิเบอระของสกอตแลนด์ ต้องต่อเครื่องบินประมาณ 1 – 2 จุดแวะพัก
2. อิตาลี (ITALY)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: อิตาลี รองเท้าบูทแห่งยุโรปใต้ หนึ่งในสุดยอดดินแดนศิลปะ ที่คนรักความคลาสสิกสไตล์ยุโรปต้องห้ามพลาด! อิตาลี เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เต็มไปด้วยศิลปะที่สวยงามและสถาปัตยกรรมคลาสสิกชวนหลงใหล เคล้าบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางวิวทิวทัศน์สุดปังอลังการ แถมยังเป็นต้นกำเนิดแบรนด์แฟชั่นชื่อดังต่าง ๆ จนทำให้อิตาลีได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นอีกด้วย หากเพื่อน ๆ กำลังวางแผนมาเที่ยวอิตาลีอยู่ล่ะก็ ช่วงที่เหมาะที่สุด คือ เดือนเมษายน – มิถุนายน และช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อน ไม่เย็นเกินไป แต่ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงเดือนสิงหาคมนะคะ ช่วงนั้นอากาศจะร้อนชื้นมาก เพื่อน ๆ อาจจะเที่ยวได้ไม่เต็มที่จนหมดสนุกได้ค่ะ
ไปแล้วต้องแวะ :
- เดินชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและประติมากรรมโรมันสุดคลาสสิก ณ กรุงโรม (Rome)
- สำรวจโคลอสเซียม (Colosseum) สนามกีฬากลางแจ้งโบราณที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ได้กลายมาเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่าง ๆ ในปัจจุบัน
- แวะโยนเหรียญเสี่ยงทายที่น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ที่นี่มีความเชื่อว่าถ้าเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุ จะได้กลับมากรุงโรมอีกครั้ง
- ดื่มด่ำความโรแมนติกขณะล่องเรือกอนโดลา ณ กรุงเวนิส (Venice)
- สนุกกับเมืองแฟชั่นที่มิลาน (Milan) ต้นกำเนิดของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกอย่าง Prada และ Giorgio Armani
- ชมผลงานของศิลปินชื่อดังระดับโลก เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ที่มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral) สุดตระการตา
- แวะถ่ายรูปชิค ๆ ที่หอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa)
- สัมผัสศิลปะสไตล์โกธิคสุดว้าวที่มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral)
- ซึมซับบรรยากาศพื้นเมืองน่ารัก ๆ ที่หมู่บ้านชาวประมง ชิงก์ แทร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก
- ทัวร์ปอมเปอี (Pompeii) สัมผัสความรุ่งเรืองในอดีตของนครโบราณที่ถูกฝังด้วยเถ้าถ่านจากการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียส
- เที่ยวทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda)
- เที่ยวเทือกเขาโดโลไมท์ (Dolomites)
ไปแล้วต้องชิม :
- พิซซ่า
- พาสต้า ที่หาทานได้ยากในไทย ไม่ว่าจะเป็นราวิโอลี ทอร์เทลลินี ฯลฯ
- รีซอตโต (Risotto) เป็นข้าวที่ผัดเคี่ยวกับน้ำซุปจากเนื้อสัตว์ หัวหอม เนย และพาร์มีซานชีส จนข้นเป็นครีม
- ทีรามิสุ (Tiramisu) ของหวานต้องห้ามพลาด
- เจลาโต้ (Gelato) ไอศกรีมสไตล์อิตาลี
ใช้เวลาเดินทาง : ประมาณ 11 ชั่วโมง 30 นาที โดยเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปอิตาลี
3. ฝรั่งเศส (FRANCE)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: ฝรั่งเศส เมืองสุดโรแมนติก สถานที่ฮันนีมูนยอดฮิตของคู่รักหลายคู่ อีกหนึ่งประเทศในฝันอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน ฝรั่งเศสผ่านประวัติศาสตร์ของโลกมามากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ ทั้งปราสาท พระราชวัง โบราณสถาน และสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์น่าค้นหา อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองน้ำหอม เนื่องจากเป็นประเทศที่ผลิตน้ำหอมจากดอกไม้และเครื่องหอมต่าง ๆ มากที่สุดของโลก ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดในฝรั่งเศส อยู่ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน และช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย ๆ และคนไม่เยอะมากค่ะ ใครที่วางแผนไปเล่นสกีที่ฝรั่งเศส ส่วนช่วงธันวาคมถึงเมษายน จะเหมาะที่สุดค่ะ
ไปแล้วต้องแวะ :
- แวะไปถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟล (Eiffel Tower)
- ชมความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace)
- เที่ยวดิสนีย์แลนด์ ปารีส (Paris Disneyland)
- สัมผัสความโรแมนติกที่กอลมาร์ (Colmar) หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า “ลิตเติ้ลเวนิสแห่งฝรั่งเศส”
- พักผ่อนชิลล์ ๆ ที่เฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera) สถานที่ตากอากาศสุดชิค
- ดื่มด่ำกับศิลปะยุคเรเนสซองส์ที่เมืองแรนส์ (Rennes) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในฝรั่งเศส
- แวะทักทายโมนาลิซา (Mona Lisa) พร้อมเสพงานศิลป์อันล้ำค่าที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)
- เที่ยววิหารมงต์ แซงต์ มิเชล (Mont Saint Michel) วิหารบนเกาะกลางทะเลที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO
- เที่ยวเมืองชาโมนี (Chamonix) เทือกเขาแอลป์ (Alps) และยอดเขามงบล็อง (Mont Blanc)
ไปแล้วต้องชิม :
- มันบดสไตล์ฝรั่งเศส (Puré de patatas)
- มาการอง (Macaron) ขนมหวานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
- พัฟครีม พรอฟีทรอล (Profiterole)
- กีชหรือคีช (Quiche) อาหารว่างดั้งเดิมของชาวฝรั่งเศส
- สตูว์ผัก ราตาตูย (Ratatouille)
- ชาโตบริยองด์ (Châteaubriand) หนึ่งในสเต๊กที่เนื้อนุ่มที่สุด
- หอยทากเอสคาโก้ (Escargot)
- กงฟีเป็ด (Confit de canard)
- สตูว์เนื้อไวน์แดง (Beef Bourguignon)
- ไก่ตุ๋นไวน์ (Coq au vin)
ใช้เวลาเดินทาง : บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปปารีส ประมาณ 12 ชั่วโมง 40 นาที
4. สวิตเซอร์แลนด์ (SWITZERLAND)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนที่ได้ชื่อว่า “สวรรค์บนดิน” ประเทศในฝันที่ใคร ๆ ก็อยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต ด้วยธรรมชาติที่สวยงาม วิวสุดปังอลังการ อาคารบ้านเรือนมีความเรียบง่ายแบบมีสไตล์ แถมยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในโลกอีกด้วยค่ะ ถ้าถามว่าเที่ยวสวิตฯ ช่วงไหนดีสุด ขอบอกเลยว่าตัดสินใจยากมาก เพราะสวิตฯ น่าเที่ยวทั้งปีเลยค่ะ แต่ละช่วงก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่ช่วงพฤษภาคม – กันยายน จะเป็นช่วงที่อากาศดี ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงชอบไปเที่ยวช่วงนี้กันค่ะ ส่วนช่วงเมษายน – ตุลาคมเป็นช่วงที่อากาศเย็นลง ใครที่ชอบอากาศเย็นล่ะก็ ไปเที่ยวช่วงนี้ได้เลย ทั้งนี้ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีฝนมากกว่าช่วงอื่น แต่ก็เป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าไปสัมผัสสักครั้งเช่นกันค่ะ
ไปแล้วต้องแวะ :
- เที่ยวซูริค (Zurich) เมืองศูนย์กลางทางธุรกิจของสวิตเซอร์แลนด์
- แวะเช็กอินสถานที่ที่ได้ชื่อว่า Top of Europe ที่ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoh)
- แวะถ่ายรูปสวย ๆ ที่เมืองแซร์มัท (Zermatt) เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก
- ตามรอยซีรีส์เรื่องดัง Crash Landing On You ที่ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz)
- เที่ยวหมู่บ้านสวยกลางหุบเขา ที่เลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen)
- เที่ยวมงเทรอซ์ (Montreux) สุดยอดเมืองตากอากาศของสวิตเซอร์แลนด์
- นั่งรถไฟ Glacier Express ขบวนรถไฟความเร็วสูงแต่วิ่งช้าที่สุดในโลก (เอ๊ะ?) พร้อมชมวิวสุดว้าวสองข้างทาง
- ตื่นตาตื่นใจกับน้ำตกขนาดใหญ่กลางเมือง น้ำตกไรน์ (Rhine Falls)
- เล่นสกีหิมะที่ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ต้นแบบของโลโก้บริษัท Paramount Pictures และช็อกโกแลต Toblerone
ไปแล้วต้องชิม :
- ชีส ฟองดู (Cheese Fondue)
- เรอชติ (Rösti) มันฝรั่งหั่นยาวผสมชีส ทอดจนสุกเหลือง ทานคู่กับผักโขม ไข่ดาว ไส้กรอก
- อัลป์เลมาโกรเนน (Alplermagronen) มักกะโรนีอบพร้อมกับเนยแข็ง นมหรือครีม และมันฝรั่ง
- แบร์เน พลัตเต (Berner platte) เมนูรวมสารพัดเนื้อ
- ซอปฟ์ (Zopf) ขนมปังอบรูปเปีย
- ซูเคร์เกสชเน็ตเซลต์ (Zurchergeschnetzeltes) เนื้อลูกวัวผัดสไตล์ซูริก
- เบอร์เชมูสลี่ (Birchermüesli) มูสลี่สไตล์สวิตฯ
- ราแคลตต์ (Raclette)
- แซฟฟรอน ริซอตโต (Saffron Risotto) ข้าวริซอตโตใส่หญ้าฝรั่น
- บึนด์เนนุสทอร์เต (Bündnernusstorte) ขนมหวานประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์
ใช้เวลาเดินทาง : ประมาณ 9 – 11 ชั่วโมง กรณีบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปสนามบินซูริค (Zurich Airport) แต่ถ้าต้องเปลี่ยนเครื่องจะใช้เวลาประมาณ 14 – 15 ชั่วโมงค่ะ
5. เยอรมนี (GERMANY)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: เยอรมนี ดินแดนชวนฝันที่เต็มไปด้วยปราสาทในเทพนิยายน่ารัก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย ธรรมชาติสวยงามชวนหลงใหล การเดินทางมีความสะดวก อีกทั้งยังโดดเด่นเรื่องอาหารการกิน ไม่ว่าจะเป็นขาหมูเยอรมัน ไส้กรอก หรือเทศกาลงานเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เยอรมนีจึงเป็นอีกจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่หลายคนอยากมาเยือน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวเยอรมนี คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายน เนื่องจากเป็นช่วงที่กลางวันยาวกว่ากลางคืน เหมาะแก่การตระเวนเที่ยว เก็บให้ครบทุกแลนด์มาร์กในเยอรมนี แม้จะเป็นช่วงที่มีฝนตกบ้าง แต่อากาศก็อบอุ่นกว่าช่วงอื่นค่ะ แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่นิยมจัดงานเทศกาลมากมายอีกด้วยค่ะ สายดริ๊งค์ที่อยากมาลองสัมผัสเทศกาลงานเบียร์ เตรียมแพลนไปเที่ยวช่วงนี้ได้เลยค้าาา
ไปแล้วต้องแวะ :
- เช็กอินเมืองหลวงของเยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลิน (Berlin)
- เทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Oktoberfest) ที่เมืองมิวนิก (Munich)
- เที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) เมืองที่ร่ำรวยด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงามจนได้ชื่อว่าเป็น “กล่องอัญมณีแห่งเยอรมนี”
- แวะไปถ่ายรูปต้นแบบปราสาทของเจ้าหญิงนิทราในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ที่ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle)
- แวะเมืองไฮเดลแบร์ก (Heidelberg) เมืองสุดโรแมนติกที่รวบรวมสมบัติทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไว้มากมาย
- เที่ยวเมืองโรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber) เมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสุดคิ้วท์ ราวกับอยู่ในเทพนิยาย
- ชมความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังซวิงเงอร์ (Zwinger Palace)
- ชมวิวธรรมชาติสุดว้าว ณ หุบเขาโรแมนติกไรน์ (Rhine Gorge)
- เที่ยวเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี เกาะรือเกิน (Rugen)
ไปแล้วต้องชิม :
- ขาหมูเยอรมัน (Schweinshaxe)
- ไส้กรอกหลากชนิด (Currywurst, Weisswurst, Bratwurst)
- ซาวเออร์บราเทน (Sauerbraten) เนื้อตุ๋นหมักซอสชุ่มฉ่ำ เนื้อนุ่มละลายในปาก
- ชนิทเซล (Schnitzel) เนื้อสัตว์ชุบแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง
- ไอศกรีมสปาเกตตี (Spaghetti Eis) ความอร่อยที่ลงตัวระหว่างอาหารและขนม ที่ไม่ควรพลาด
- แพนเค้กมันฝรั่ง (Kartoffelpuffer)
- เบอร์ลินเนอร์ (Berliner) โดนัทเยอรมัน
- เลบคูกเค่น (Lebkuchen) คุกกี้ขนมปังขิง ขนมประจำเทศกาลคริสต์มาส
- คว้าก (Quark) คล้ายโยเกิร์ตแต่ทำจากชีส ทานคู่กับผลไม้สด เป็นอาหารทานเล่นประจำชาติ
- เบียร์สด เยอร์มัน
ใช้เวลาเดินทาง : บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปเยอรมนี ประมาณ 11 ชั่วโมง 35 นาที
6. รัสเซีย (RUSSIA)
วีซ่าที่ต้องใช้ : ประเทศฟรีวีซ่า – คนไทยสามารถเดินทางเข้ารัสเซียได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า กรณีอยู่นานกว่า 30 วัน ต้องยื่นขอวีซ่าด้วยตนเองที่สถานทูตรัสเซียในกรุงเทพฯ
Summary: รัสเซีย ประเทศที่มีเขตปกครองขนาดใหญ่ อีกหนึ่งประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อากาศดีน่าเที่ยว พร้อมด้วยภูมิประเทศที่สวยงาม แถมยังเที่ยวได้แบบฟรีวีซ่าอีกด้วย รัสเซียจึงดึงดูดให้ใครหลายคนนึกถึงเป็นประเทศแรก ๆ เมื่อจะไปเที่ยวยุโรป ช่วงที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวรัสเซีย อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่ในเมืองส่วนใหญ่มีอากาศอบอุ่น แม้ว่าภูมิประเทศที่กว้างใหญ่มากของรัสเซียจะมีผลต่อสภาพอากาศที่แตกต่างกันมากในแต่ละเมืองก็ตาม ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในช่วงนี้รัสเซียจะจัดงานเทศกาลมากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลอาหาร ดนตรี เทคโนโลยี ฯลฯ ใครชอบเที่ยวงานเทศกาล ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ
ไปแล้วต้องแวะ :
- เที่ยวจัตุรัสแดง ณ กรุงมอสโก (Red Square, Moscow) แลนด์มาร์กประจำรัสเซีย
- ชมความสวยงามของโบสถ์แห่งหยดเลือด (Church of the Savior on Spilled Blood)
- สัมผัสเบื้องหลังความสวยงามของมหาวิหารเซนต์เบซิล (St. Basil’s Cathedral) ที่ต้องแลกด้วยดวงตาของผู้สร้าง
- ชมโบสถ์ที่สวยที่สุดในรัสเซียที่มหาวิหารเซนต์ไอแซค (St. Isaac’s Cathedral)
- เดินเล่นที่สวนสาธารณะอเล็กซานเดอร์ (Alexandrovsky Garden)
- ชอปปิงที่ตลาดอิซเมโลฟสกายา (Izmailovsky Market)
- ดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติสุดอลัง ที่เทือกเขาอัลไต (Altai Mountains)
- แวะเช็กอินที่ทะเลสาบไบคาล (Lake Baikal) ทะเลสาบที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO
ไปแล้วต้องชิม :
- สตูว์เนื้อ (Stroganoff)
- สลัดปลาแฮริ่ง (Seld Pod Shuboy)
- ข้าวผัดใส่เนื้อสัตว์ (Plov)
- เกี๊ยวสไตล์ยุโรป (Pelmeni)
- พายไซส์มินิ (Pirozhki)
- แพนเค้กรัสเซีย (Blini)
- เค้กนโปเลียน (Napoleon Cake)
- ซุปบีทรูท (Borsch)
- คาเวียร์ (Caviar)
- ควาส (Kvass) เครื่องดื่มน้ำดำประจำชาติรัสเซีย
ใช้เวลาเดินทาง : บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปเมืองมอสโก ประมาณ 9 ชั่วโมง 45 นาที แต่ถ้าเดินทางแบบต่อเครื่อง จะใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 12 ชั่วโมง 30 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนจุดแวะพักค่ะ
7. ฟินแลนด์ (FINLAND)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: ฟินแลนด์ ดินแดนสุดฟิน ถิ่นซานตาคลอสและแสงเหนือ ประเทศที่มีความผสมผสานระหว่างธรรมชาติ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และบรรยากาศที่สงบร่มรื่น เข้ากันอย่างลงตัว แถมยังเที่ยวง่าย ผู้คนก็เป็นมิตร สมกับเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกจริง ๆ ค่ะ ยิ่งใครที่อยากเห็นหิมะสักครั้งในชีวิต ไปฟินแลนด์รับรองไม่มีผิดหวังค่ะ ได้เห็นหิมะจนเบื่อแน่นอน ^ O ^ แล้วถ้าได้ไปช่วงคริสต์มาสนะ ยิ่งฟินอย่าบอกใครเชียว แนะนำไปช่วงเดือนธันวาคมจนถึงกลางเดือนมกราคมค่ะ หิมะกำลังสวยเลยล่ะ แต่มีข้อเสียนิดนึงตรงที่อาจจะเที่ยวได้ไม่เต็มที่เพราะช่วงกลางวันสั้นกว่าช่วงอื่นค่ะ สำหรับใครที่อยากมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นี่ ช่วงที่เหมาะที่สุดคือช่วงพฤษภาคมถึงสิงหาคมค่ะ ส่วนปรากฏการณ์แสงเหนือ ไฮไลท์เด็ดของฟินแลนด์นั้น สามารถชมได้ตลอดทั้งปีค่ะ แต่จะมีให้ชมบ่อยที่สุดในช่วงฤดูหนาว คือ ช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคมค่ะ ใครอยากเที่ยวแบบไหน แพลนเตรียมไว้กันได้เลย!
ไปแล้วต้องแวะ :
- เที่ยวเมืองเฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงของฟินแลนด์
- เที่ยวหมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) พร้อมสัมผัสกับกวางเรนเดียร์ตัวเป็น ๆ!
- ชมความสวยงามของวิหารอุสเพนสกี้ (Uspenski Cathedral) วิหารสไตล์ออโธดอกส์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
- ซื้อของฝากที่ตลาดสดกลางแจ้ง มาร์เก็ตสแควร์ (Market Square)
- ตื่นตาตื่นใจกับดินแดนน้ำแข็งที่ปราสาทหิมะ เมืองเคมิ (Kemi Snow Castle)
- ชมแสงเหนือที่ (Northern Lights) Kota Village หมู่บ้านกระท่อมหิมะสุดชิคที่ถ้าไม่ได้แวะมาถือว่ายังมาไม่ถึงฟินแลนด์
- ดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน ขับสโนว์โมบิล นั่งเรนเดียร์ลากเลื่อน และทำกิจกรรมหน้าหนาวสนุก ๆ อีกมากมาย ที่เมืองเลวี (Levi)
- ทริปล่องเรือตัดน้ำแข็งซัมโป (Sampo Icebreaker)
- เที่ยวพิพิธภัณฑ์ตัวการ์ตูนมูมิน (Moomin) และสวนสนุก Angry Bird ที่เมืองตัมเปเร (Tampere)
- ชิมอาหารท้องถิ่นและกาแฟเข้มข้นในสไตล์ฟินนิช ที่เมืองปอร์โว (Porvoo)
ไปแล้วต้องชิม :
- ปลาแซลมอนจากธรรมชาติ (Wild Salmon) ซึ่งรสชาติจะแตกต่างจากปลาแซลมอนเลี้ยงมาก ๆ ๆ
- เนื้อกวางเรนเดียร์ผัด (Poronkäristys)
- สตูว์เนื้อวัวและเนื้อหมู (Karjalanpaisti)
- ไส้กรอกสไตล์ฟินแลนด์ (Lenkkimakkara)
- พุดดิ้งข้าวสไตล์ฟินแลนด์ (Riisipuuro) อาหารประจำเทศกาลคริสต์มาส
- พายคาเรเลีย (Karjalanpiirakka หรือ Karelian Pastries)
- เนื้อกวางมูส (Moose)
- ซินนามอลโรล (Korvapuusti)
- ขนมปังชีส (Leipäjuusto)
- วอดก้า
ใช้เวลาเดินทาง : บินจากกรุงเทพฯ ไปเมืองเฮลซิงกิ ประมาณ 12 ชั่วโมง
8. ไอซ์แลนด์ (ICELAND)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ทั้งนี้ไอซ์แลนด์ไม่มีสถานทูตประจำประเทศไทย การขอวีซ่าจึงต้องยื่นผ่านประเทศเดนมาร์กค่ะ โดยสามารถยื่นเรื่องผ่านศูนย์ VFS ที่ได้รับการรับรองจากประเทศเดนมาร์กได้ค่ะ
Summary: ไอซ์แลนด์ ดินแดนน้ำแข็ง อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตในทริปล่าแสงเหนือที่ใครหลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่ากับการได้ไปเยือนสักครั้ง! ยิ่งใครเป็นสายธรรมชาติ บอกเลยว่าไปเที่ยวไอซ์แลนด์ไม่มีขาดทุน เพราะที่นี่มีทั้งธารน้ำแข็ง ทะเลสาบน้ำแข็ง น้ำตก น้ำพุร้อน ภูเขาไฟ และชายหาดสีดำสวยแปลกตา แม้ไอซ์แลนด์จะมีอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็สามารถเที่ยวได้ตลอดปี ทั้งนี้ช่วงที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด จะเป็นช่วงหน้าร้อน (ประมาณปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นมิถุนายน – สิงหาคม) เพราะมีอากาศอบอุ่นและมีช่วงกลางวันที่ยาวนาน ใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวไอซ์แลนด์เป็นครั้งแรก แนะนำให้ไปช่วงหน้าร้อนจะดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าใครตั้งใจจะไปล่าแสงเหนือ หรืออยากไปเที่ยวชมธารน้ำแข็ง ก็ไปช่วงหน้าหนาวเลยค่ะ จะอยู่ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมค่ะ
ไปแล้วต้องแวะ :
- เที่ยวเมืองเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ เมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด
- แช่น้ำแร่ที่บลูลากูน (Blue Lagoon) บ่อน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
- แวะเช็กอินน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) น้ำตกที่ได้ชื่อว่าเป็นไนแองการ่าของไอซ์แลนด์
- ดื่มด่ำกับความสวยงามของหุบโตรกฟยาดราร์กลิเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur)
- โจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ทะเลสาบน้ำแข็งอายุกว่าพันปี มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
- แวะชมชายหาดสีดำที่เรย์นิสฟยาร่า (Reynisfjara)
- สวีนาเฟลล์โจกุล (Svinafellsjokull) ธารน้ำแข็งรูปร่างแปลกตา มีความสวยงามโดดเด่นจนเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง
- ตื่นตาตื่นใจกับ Crystal Ice Cave ถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
- ชมน้ำพุร้อนกีเซอร์ (Geysir)
- ปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid Crater) ปล่องภูเขาไฟที่มีทะเลสาบอยู่ตรงปากปล่อง
ไปแล้วต้องชิม :
- สเกียร์ (Skyr) อาหารที่ชาวไอซ์แลนด์นิยมทานกันมานานกว่าพันปี
- ฮอทดอกสไตล์ไอซ์แลนด์ (Pylsur)
- สเต๊กเนื้อวาฬมินค์ (Minke Whale Steak)
- เนื้อแกะรมควัน (Hangikjöt)
- ลองกุสทีน (Langoustine) หรือกุ้งมังกรตัวเล็ก
- ปลาอาร์คติก ชาร์ (Arctic Char)
- ขนมปังแป้งไรย์ (Rye Bread) อบด้วยความร้อนจากน้ำพุร้อน เนื้อขนมปังนุ่มสุดฟิน หวานนิด ๆ มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
- ซุปมะเขือเทศ (Tomatsupa)
- เหล้าเบรนนิวิน (Brennivín) เครื่องดื่มประจำชาติไอซ์แลนด์ คล้ายวอดก้า
ใช้เวลาเดินทาง : ขั้นต่ำประมาณ 18 ชั่วโมง 20 นาที ขึ้นอยู่กับสายการบินและจำนวนจุดแวะพัก
9. สเปน (SPAIN)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: สเปน อีกหนึ่งประเทศที่ครบเครื่องทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมายสถาปัตยกรรมโรมันคลาสสิก ธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่นจนโด่งดังไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการสู้วัวกระทิง มาทาดอร์ และทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียง ช่วงที่เหมาะในการไปเที่ยวสเปนมากที่สุด คือ มีนาคมถึงพฤษภามคม และกันยายนถึงตุลาคม เป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย ๆ ถ้าไปเที่ยวทะเลช่วงนี้ก็จะไม่ร้อนเกินไปจนไม่รู้สึกสบายตัวค่ะ
ไปแล้วต้องแวะ :
- ชมความยิ่งใหญ่ตระการตาของมหาวิหารซากราดาฟามิเลีย (The Basílica de la Sagrada Família)
- ชมจอกศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู ที่มหาวิหารบาเลนเซีย (Valencia Cathedral)
- เดินเที่ยวที่ถนนคนเดินลารัมบลาส (La Ramblas)
- เที่ยวตลาดสดบุคเคอเรีย (Mercat De La Boqueria)
- เที่ยวเมืองโตเลโด (Toledo) อดีตเมืองหลวงของสเปนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก
- ทึ่งกับภูมิปัญญาการสร้างบ้านบนหน้าผา ที่บ้านแขวน (Hanging Houses)
- แวะถ่ายรูปสวย ๆ ที่พลาซ่า เดอเอสปานา (Plaza de Espana)
- เที่ยวเมืองสีขาวในแคว้นอันดาลูซีอา (The White Towns of Andalucía) อีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมในสเปน
- ชิมทับทิมสายพันธุ์พื้นเมืองอาลีคานเต (Alicante) เคล็ดลับความอ่อนเยาว์ของสาว ๆ ในเมืองนี้
- เที่ยวเกาะแกรนคานาเรีย (Gran Canaria Islands)
ไปแล้วต้องชิม :
- ข้าวผัดสเปน (Paella)
- หมูหันสเปน (Cochinillo Asada)
- พิสโต (Pisto – Spanish Ratatouille)
- ไข่เจียวสเปน (Tortilla Espanola)
- ปลาหมึกปรุงรส (Galician Octopus – Pulpo a la Gallega)
- ชูเลตียัส (Chuletillas)
- แฮมคามองเซร์ราโน (Jamón Serrano)
- นมสดทอด (Leche frita)
- โครเกตต์ (Croquettes)
- ชูโรสหรือปาท่องโก๋สเปน (Churros)
ใช้เวลาเดินทาง : ยังไม่มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปสเปน ต้องต่อเครื่องประมาณ 1 – 3 จุดแวะพัก ใช้เวลาในการเดินทาง 16 – 17 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสายการบินและเมืองปลายทางที่จะไป
10. เนเธอร์แลนด์ (NETHERLAND)
วีซ่าที่ต้องใช้ : วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa)
Summary: ประเทศ เนเธอร์แลนด์ หรือฮอลแลนด์ อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของใครหลายคน ด้วยสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ น่าเที่ยว มีทุ่งดอกไม้และธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ บ้านเรือนและสถาปัตยกรรมสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ อากาศสะอาดสดชื่นเพราะชาวดัตช์ส่วนใหญ่นิยมเดินทางด้วยการปั่นจักรยานหรือใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เนเธอร์แลนด์มี 4 ฤดู เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป และสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปีเลยค่ะ ใครที่อยากมาชมดอกไม้สวย ๆ แนะนำให้มาช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงที่ดอกทิวลิปกำลังบานสะพรั่งเลยค่ะ ส่วนเดือนมิถุนายนถึงกันยายน แม้จะเป็นช่วงฝนตกค่อนข้างชุก แต่ก็มีลมพัดเย็นสบายและมีช่วงกลางวันยาวนานขึ้น เที่ยวได้เต็มที่เลยค่ะ อีกช่วงคือเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่กลางคืนยาวกว่า ฝนตกหนักกว่า แต่ก็เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุดที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
ไปแล้วต้องแวะ :
- ล่องเรือในคลองรอบเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)
- แวะไปกิน เที่ยว ชอป ที่จัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) สัญลักษณ์ของเมืองอัมสเตอร์ดัม
- เสพงานศิลป์ระดับโลกที่พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum)
- ตื่นตาตื่นใจกับทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสุดลูกหูลูกตาที่สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof)
- แวะไปถ่ายรูปที่หมู่บ้านกังหันลมซานส์ สคันส์ (Zaanse Schans)
- เช็กอินต่อที่บ้านคิวบิกเฮ้าส์ (Cube Houses) บ้านทรงลูกบาศก์สุดเก๋
- ตามรอยเจ้ากระต่ายมิฟฟี่ ที่เมืองน่ารักอย่างอูเทร็คท์ (Utrecht)
- ชิมชีสอร่อย ๆ ที่ตลาดชีส ณ เมืองอัลค์มาร์ (Alkmaar)
- ล่องเรือในหมู่บ้านไร้ถนน กีโธร์น (Giethoorn)
- ชิมเบียร์สดที่โรงเบียร์ไฮเนเก้น (Heineken Experience)
- เที่ยวเมืองจำลองมาดูโรดัม (Madurodam) ที่ที่ย่อส่วนเนเธอร์แลนด์ไว้ทั้งประเทศ
ไปแล้วต้องชิม :
- บูเรินโคล สตัมพอต (Boerenkool Stamppot) อาหารประจำชาติเนเธอร์แลนด์
- ชีส ผลิตภัณฑ์ประจำชาติเนเธอร์แลนด์ที่ถ้าไม่ได้ลองถือว่ายังมาไม่ถึงถิ่น!
- ปลาแฮริ่งสด (Hollandse Nieuwe Haring) ทานคู่กับหัวหอมใหญ่ โรยพริกไทยนิดหน่อย อร่อยสุดฟิน
- มันฝรั่งทอดปาตัท (Patat)
- บิทเทอร์บอลเลน (Bitterballen) เนื้อสับก้อนปรุงรส
- สโตรปวาเฟิล (Stroopwafels) ขนมดัตช์ยอดนิยม
- แพนเค้กสไตล์เนเธอร์แลนด์ (Pannekoeken)
- โปฟเฟอร์เจิส (Poffertjes) มินิดัตช์แพนเค้กที่มีรูปร่างคล้ายขนมครกของไทย
ใช้เวลาเดินทาง : บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปเมืองอัมสเตอร์ดัม ประมาณ 11 ชั่วโมง 40 นาที
พิมพ์ไปก็หิวไป อาหารยุโรปแต่ละเมนูช่างยั่วน้ำลายซะเหลือเกิ๊น! น้ำย่อยในกระเพาะแอดมินประท้วงหนักเลยค่ะ คงต้องไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานแล้วแหละ ^ O ^ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจไปเที่ยวยุโรปล่ะก็ สามารถจองตั๋วบินไปลงที่ 1 ใน 10 ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป ข้างบนนี้ แล้วนั่งรถไฟ Eurostar เดินทางไปเที่ยวที่อื่นต่อได้เลย รถไฟ Eurostar เป็นรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งในสหราชอาณาจักรและทวีปยุโรป ทำให้การเดินทางของเพื่อน ๆ สะดวกและรวดเร็วขึ้นค่ะ แถมยังเป็นอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่น่าจดจำในทริปยุโรปของเพื่อน ๆ อีกด้วยนะ หากเพื่อน ๆ ต้องการทำวีซ่าเชงเก้น หรือ วีซ่า UK สำหรับคนไทย แล้วล่ะก็ ติดต่อเรา ได้เลยค่ะ เราจะทำความฝันในการไปเยือนยุโรปของเพื่อน ๆ ให้เป็นจริงเอง!